ทะเลาะทุบตีกัน ฟ้องหย่าได้หรือไม่

โจทก์จำเลยทะเลาะทุบตีกัน ฟ้องหย่าได้หรือไม่

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์จำเลยเป็นสามีภริยากัน จำเลยได้ทำร้ายโจทก์จนได้รับบาดเจ็บ หมิ่นประมาทเหยียดหยามโจทก์และบุพพการีโจทก์อย่างร้ายแรงจำเลยได้ไปที่ธนาคารซึ่งโจทก์เป็นผู้จัดการแล้วหมิ่นประมาทโจทก์ต่อหน้าผู้ใต้บังคับบัญชาของโจทก์ ทำให้โจทก์ได้รับความอับอายและได้รับความดูถูกเกลียดชัง จึงฟ้องให้โจทก์จำเลยหย่าจากกันให้จำเลยไปจดทะเบียนหย่ากับโจทก์ถ้าไม่ไปให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย

จำเลยให้การว่า จำเลยไม่เคยหมิ่นประมาทโจทก์และบุพพการีไม่เคยทำร้ายโจทก์จนได้รับบาดเจ็บ ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์จำเลยหย่าขาดจากกัน ถ้าจำเลยไม่ไปจดทะเบียนหย่า ให้โจทก์ไปจดฝ่ายเดียวโดยถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยหมิ่นประมาทเหยียดหยามโจทก์และบุพพการีอย่างร้ายแรง ส่วนประเด็นที่ว่าจำเลยทำร้ายร่างกายโจทก์นั้นโจทก์เบิกความว่า เมื่อทะเลาะกันเพราะจำเลยหึงโจทก์ โจทก์จำเลยได้ทุบตีกันนั้นพิเคราะห์แล้วเห็นว่า เป็นเรื่องที่โจทก์จำเลยทำร้ายร่างกายซึ่งกันและกันหาใช่จำเลยทำร้ายร่างกายโจทก์อันเป็นการร้ายแรงไม่

ฎีกาของโจทก์ที่ว่าจำเลยประพฤติชั่วเป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความอับอายขายหน้าและได้รับความดูถูกเกลียดชังนั้น เห็นว่า การทะเลาะวิวาทกันระหว่างโจทก์จำเลยสืบเนื่องมาจากการที่จำเลยหึงโจทก์ ซึ่งตามคำเบิกความของนายเกษมพยานโจทก์ก็ว่าทราบว่าหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นลงข่าวว่าโจทก์มีความสัมพันธ์กับหญิงอื่นโจทก์สนิทสนมกับนางทองสุข โจทก์เองก็เบิกความยอมรับว่าโจทก์เคยไปไหนมาไหนกับนางทองสุข โจทก์ไม่ได้ร่วมหลับนอนกับจำเลยมานานจนถูกจำเลยถามว่าทำไมไม่มีความรู้สึกทางเพศ พิเคราะห์แล้วเห็นว่า จำเลยมีเหตุอันควรที่จะเชื่อได้ว่าโจทก์มีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับหญิงอื่น จึงทำให้เกิดอารมณ์หึงหวงซึ่งโจทก์มีส่วนก่อให้เกิดขึ้น การที่จำเลยระงับอารมณ์ไม่อยู่และเกิดทะเลาะวิวาทกับโจทก์ บางครั้งถึงกับมีการทุบตีและทำร้ายร่างกายกัน แม้จำเลยจะทะเลาะวิวาทกับโจทก์ในสถานที่ทำงานของโจทก์ต่อหน้าลูกค้าของธนาคารก็เป็นพฤติการณ์ที่ยังไม่อาจเรียกได้ว่าจำเลยประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง อันจะทำให้โจทก์มีสิทธิฟ้องหย่าจำเลยได้

พิพากษายืน

สรุป

โจทก์จำเลยซึ่งเป็นสามีภริยาทะเลาะและทำร้ายร่างกายซึ่งกันและกันดังนี้ หาใช่เป็นเรื่องจำเลยทำร้ายร่างกายโจทก์อันเป็นการร้ายแรงไม่

จำเลย(ภริยา) มีเหตุอันควรที่จะเชื่อได้ว่าโจทก์มีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับหญิงอื่น จึงทำให้เกิดอารมณ์หึงหวงซึ่งโจทก์มีส่วนก่อให้เกิดขึ้นโดยไปไหนมาไหนกับหญิงอื่นจนเป็นข่าวทางหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นและโจทก์ไม่ได้ร่วมหลับนอนกับจำเลยมานานแล้วการที่จำเลยระงับอารมณ์ไม่อยู่และเกิดทะเลาะวิวาทกับโจทก์ บางครั้งถึงกับทุบตีและทำร้ายร่างกายกัน แม้จะทะเลาะวิวาทในสถานที่ทำงานของโจทก์ต่อหน้าผู้ที่มาติดต่อก็เป็นพฤติการณ์ที่ยังเรียกไม่ได้ว่าจำเลยประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง

สำนักงานกฎหมายปรัชญาเศรษฐ์ทนายความ Copyright © 2021. All rights reserved.